Violinphase การผสานที่ลงตัวระหว่างลูปดนตรีและความเรียบง่ายของเครื่องสาย

 Violinphase  การผสานที่ลงตัวระหว่างลูปดนตรีและความเรียบง่ายของเครื่องสาย

“Violinphase” ของ La Monte Young เป็นผลงานดนตรีที่ท้าทายแนวคิดเรื่องความงามแบบดั้งเดิม และเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของ Minimalism ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งขัดแย้งกับความซับซ้อนและความโอ้อวดของดนตรีคลาสสิกในสมัยก่อน

La Monte Young ผู้แต่ง “Violinphase” เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรี Experimental และ Minimalism เกิดในปี ค.ศ. 1935 ที่เมืองเบอร์เคลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา Young ได้รับการฝึกอบรมทางดนตรีอย่างเข้มข้นตั้งแต่ยังเด็กและเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีด้วยการเล่นไวโอลิน

Young เริ่มสนใจในดนตรี Minimalism ในช่วงทศวรรษ 1960 และได้พัฒนารูปแบบดนตรีที่เน้นความเรียบง่าย การ दोहराना และระยะเวลาที่ยืดยาว “Violinphase” ซึ่งแต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1973 เป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ Young ที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิด Minimalism ของเขาอย่างชัดเจน

การสร้างสรรค์และโครงสร้าง “Violinphase”:

“Violinphase” เป็นผลงานดนตรีสำหรับไวโอลินและเครื่องบันทึกเสียง (tape recorder) โดยที่ไวโอลินจะเล่นโน้ตเดียวซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง และเทปบันทึกเสียงจะถูกใช้เพื่อบันทึกรูปแบบการเล่นนั้น และสร้างลูปของเสียงขึ้นมา

Young จะใช้เทคนิค “Just intonation” ในการแต่งเพลง ซึ่งเป็นระบบการปรับแต่งที่ให้ความสำคัญกับอัตราส่วนความถี่ของโน้ตดนตรีมากกว่าการปรับแต่งแบบ temperamental ที่นิยมใช้ในดนตรียุโรป

“Violinphase” เป็นผลงานดนตรีที่สร้างขึ้นมาจากลูป (loop) ของเสียงไวโอลินเพียงตัวเดียว ซึ่งจะถูกบันทึกและเล่นซ้ำ ๆ ด้วยความเร็วต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีของเครื่องบันทึกเสียง นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ Minimalism สามารถสร้างความหลากหลาย และความน่าสนใจจากความเรียบง่าย

ประสบการณ์การฟัง “Violinphase” :

การฟัง “Violinphase” อาจเป็นประสบการณ์ที่ต่างไปจากดนตรีอื่น ๆ ที่คุณเคยได้ยินมาก่อน ความเรียบง่ายของโน้ตดนตรี และความยาวของลูป (loop) อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวหรือพัฒนาอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตาม การที่ Young ได้ใช้เทคนิค “Just intonation” ทำให้เสียงของไวโอลินมีความบริสุทธิ์ และมีคุณภาพที่แตกต่างไปจากโน้ตดนตรีที่ปรับแต่งแบบ temperamental

การฟัง “Violinphase” เป็นการเชิญชวนให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในกระบวนการสร้างสรรค์ âm thanh. ผู้ฟังสามารถโฟกัสไปที่ความเปลี่ยนแปลงของโทนเสียง และความลึกซึ้งของเสียงไวโอลินที่ถูกขยายออกไป

อิทธิพลของ “Violinphase” :

“Violinphase” มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรี experimental และ minimal โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างลูป (loop) ของเสียง และการนำเสนอความเรียบง่าย เป็นองค์ประกอบหลักของดนตรี

ตารางเปรียบเทียบ “Violinphase” กับผลงาน Minimalism อื่น:

ผลงาน ผู้แต่ง ปีที่แต่ง ลักษณะเด่น
Violinphase La Monte Young 1973 การใช้ “Just intonation” และการสร้างลูปของเสียงไวโอลิน
In C Terry Riley 1964 การสับเปลี่ยนรูปแบบดนตรีโดยผู้เล่นแต่ละคน
Music for 18 Musicians Steve Reich 1976 การใช้เทคโนโลยีการบันทึกและการขยายเสียงเพื่อสร้างความซับซ้อน

“Violinphase” เป็นผลงานที่ทำให้เราต้องทบทวนแนวคิดเรื่องความงามในดนตรี และเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของ Minimalism ที่สามารถสร้างประสบการณ์ทางศิลปะ ที่ไม่เหมือนใครได้

ข้อสังเกต:

  • “Violinphase” มักถูกนำเสนอในรูปแบบการแสดงสด โดย Young มักจะเล่นไวโอลินเอง
  • ผลงานนี้มักจะมีความยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง
  • การฟัง “Violinphase” อาจต้องใช้ความอดทนและความตั้งใจอย่างมาก แต่ก็สามารถให้รางวัลที่คุ้มค่าแก่ผู้ฟัง